สำนักพุทธฯแจ้งตม.ขอเพิกถอนวีซ่า พระลิน เข้ามาศึกษาธรรมในไทย

1.ประพฤติตนไม่สำรวมระวังต่อพระธรรมวินัยและธรรมเนียมปฏิบัติแห่ง คณะสงฆ์จังหวัดอุดรธานี (ธ)

2.มีพฤติกรรมมอมเมาประชาชนด้วยอวิชชา

โดยการเขียนเลขยันต์ลงตามเนื้อตามตัว หรือฝ่ามือ อันเป็นการสร้างความหลงผิดต่อหลักพระพุทธศาสนา

3.การไม่สำรวมระวังในการสื่อสารผ่านสื่อโซเชียล ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อคณะสงฆ์จังหวัดอุดรธานี (ธ)

4.ประพฤติตนไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าคณะผู้ปกครอง และละเมิดคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ธ) ผอ.พศ. กล่าวต่อไปว่า คณะสงฆ์จังหวัดอุดรธานี (ธ) ได้ว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจา และมีหนังสือตักเตือนให้ยุติพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมแล้ว แต่ยังเพิกเฉยและยังคงปรากฎข่าวตามสื่อโซเชียลอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังประพฤติตนไม่เหมาะสมตามพระธรรมวินัย และบิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนา ทำให้พุทธศาสนิกชนมีความเข้าใจผิดต่อพระธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ธ) จึงได้มีคำสั่งที่ลงวันที่ 18 ต.ค. 2567 สั่งให้พระลิน สุคำพอง และพระบัวลัย คำพอง พ้นจากเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดอุดรธานี (ธ) ภายใน 7 วันนับแต่มีคำสั่ง

นายอินทพร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ตามระเบียบพศ.ว่าด้วยการออกหนังสือรับรองให้ต่ออายุวีซ่าแก่ชาวต่างประเทศ ผู้เข้ามาศึกษาหรือปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย พ.ศ. 2546 ข้อ 13 ชาวต่างประเทศที่พศ.ได้ออกหนังสือรับรองให้ และได้รับการต่ออายุวีซ่าจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แล้วปรากฏในภายหลังว่า บุคคลนั้นมีคุณสมบัติบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี มีพฤติกรรมอันไม่สมควรที่จะให้อยู่ในประเทศไทยต่อไป จนครบกำหนดเวลาที่ต่อวีซ่าให้ก็ดี พศ.มีอำนาจที่จะเพิกถอนหนังสือรับรองได้ทันที

ดังนั้นพศ.จะได้ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ขอเพิกถอนหนังสือรับรองของพระลิน ซึ่งวีซ่าของพระลินมีอายุถึงวันที่ 23 ต.ค.2567 ส่วนพระบัวลัยถือหนังสือเดินทางได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางประเภทผ.60-ม.17 ซึ่งพศ.ไม่ได้ออกหนังสือรับรองการต่ออายุวีซ่า

ซึ่งพระบัวลัยสามารถอยู่ไทยได้ถึงวันที่ 14 พ.ย. 2567 จึงแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาดำเนินตากฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังแจ้งพฤติการณ์ของพระภิกษุ ทั้ง 2 รูป ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และเจ้าคณะผู้ปกครองให้ระมัดระวังการรับพระภิกษุทั้ง 2 รูป ดังกล่าวเข้าพำนักด้วย