หลังเปิดร้านอาหารกึ่งร้านเหล้า แล้วถูกหน่วยงานในท้องถิ่นเก็บส่วยอยู่เป็นประจำ โดยมีแชทการพูดคุยกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเรื่องการจ่ายเงิน และสลิปการโอนเงินให้กับบัญชีม้า มีรายชื่อ 3 คน โดยมีการโอนเงิน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 65 ถึง เดือนเมษายน 67 โดยมีการโอนตั้งแต่ 30,000 บาท 15,000 บาท และ 5,000 บาท ในทุก ๆ เดือน ๆ จนหมดตัว
นอกจากนี้ ยังมีคลิปเสียงพูดคุยกันระหว่าง แม่ผู้เสียหาย และบัญชีม้าเพื่อเรียกเก็บเงิน โดยในคลิปเสียงนี้ แม่ผู้เสียหายจะขอชะลอการจ่ายเงิน ส่วนปลายสายก็บอกว่านายให้มาทวงถาม
โดย นายเบิ้ม (นามสมมุติ) เดินทางจากจังหวัดนครราชสีมา เข้าร้องมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม โดยเปิดเผยว่า ตนเปิดร้านอาหารกึ่งร้านเหล้า มีการเล่นดนตรีสด ก่อนเปิดได้ไปขอใบอนุญาตประกอบกิจการกับทางอำเภอและจังหวัด แต่ทั้ง 2 หน่วยงานแจ้งว่า เปิดได้เลยไม่ต้องขอ แต่เมื่อเริ่มเปิดกิจการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 ชุด และฝ่ายปกครอง 1 ชุด ลงพื้นที่มาเก็บส่วยอยู่เป็นประจำ โดยใช้อุบายว่าตนไม่มีใบอนุญาต พอไม่จ่ายก็จับไปที่สถานีตำรวจบอกว่าจะดำเนินคดี
สุดท้ายเพื่อความอยู่รอด ตนก็ต้องไปจ่ายเงินส่วยเพื่อให้ตัวเองออกมาทำธุรกิจได้ ซึ่งเดือน ๆ หนึ่งจะถูกเก็บส่วยประมาณ 3 รอบ จาก 3 ทีม 30,000 บาท 15,000 บาท และ 5,000 บาท แล้วจะสังเกตว่าแต่ละเดือนลูกน้องจะเอาบิลมาให้ดู ซึ่งก็มีค่าเหล้าที่ตำรวจมาเอาไปกินฟรีด้วย เดือนละประมาณ 2 – 3 ขวด ขวดละประมาณ 300 – 400 บาท แล้วแต่ยี่ห้อ จนธุรกิจเจ๊ง ต้องหยุดเปิดร้านเพราะไม่มีเงินจ่ายส่วย
วันนี้ตนเองและครอบครัว เหลือเงินติดตัว 2,000 บาท เดินทางจากจังหวัดนครราชสีมาเพื่อมาหาทนายรณรงค์ให้ช่วยเหลือตน โดยตนเองยอมที่จะถูกดำเนินคดีที่ส่งส่วยให้กับตำรวจ แต่ก็อยากเปิดโปงเรื่องนี้ เพราะตนไม่เหลืออะไรแล้ว
ทางด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า จากข้อมูลหลักฐานจากแชทและคลิปเสียงค่อนข้างชัดเจน ว่าเป็นการเรียกรับเงินโดยไม่สุจริตจริง และไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่นั้น ๆ ด้วย โดยมูลนิธิจะพาผู้เสียหายไปร้องกองปราบฯ เพื่อตรวจสอบหลักฐานและดำเนินคดีกับกลุ่มคนมีสีที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างต่อไป แต่ผู้เสียหายเองอาจจะต้องถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน เพราะถือว่าผิด ส่งส่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ