การศึกษานี้ได้วิเคราะห์ผู้ใหญ่กว่า 60,000 คน ที่มีการลดน้ำหนักอย่างกะทันหัน โดย 58.2% เป็นผู้หญิง 51.8% อายุเกิน 60 ปี และ 26.3% เป็นผู้เคยสูบบุหรี่
ผลการศึกษาพบว่า ในระยะเวลา 6 เดือน หลังจากการวินิจฉัยและการรักษาลดน้ำหนัก มีผู้ป่วย 908 คน (1.4%) พบว่าเป็นมะเร็ง โดย 882 คน (97.1%) มีอายุมากกว่า 50 ปี มะเร็งที่พบบ่อยที่สุดคือมะเร็งปอด ตามมาด้วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยมีอาการทั่วไป เช่น ไอ ปวดท้อง ปวดหลัง การติดเชื้อในทรวงอก และอ่อนเพลีย
-กลุ่มผู้ชาย พบว่าการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วพร้อมกับ 10 สัญญาณ ได้แก่ ปวดท้อง เบื่ออาหาร กลืนลำบาก ไอเป็นเลือด อาการเจ็บหน้าอกที่ไม่ใช่โรคหัวใจ และเนื้องอกในช่องท้อง อาการหน้าอก ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก โรคดีซ่าน และต่อมน้ำเหลือง สัมพันธ์กับความไวต่อมะเร็งที่เพิ่มขึ้น
-กลุ่มผู้หญิง หากลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วพร้อมกับ 11 สัญญาณ เช่น ปวดท้อง เบื่ออาหาร ปวดหลัง พฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนแปลง อาหารไม่ย่อย ก้อนในช่องท้อง อาการหน้าอก โลหิตจางเนื่องจากขาดธาตุเหล็ก ดีซ่าน ต่อมน้ำเหลืองโต และลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ เพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็ง
แม้ว่าขนาดของกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาอาจยังน้อยและความแม่นยำยังต้องการการตรวจสอบเพิ่มเติม แต่แนะนำให้ทุกคนใส่ใจต่อความผิดปกติในชีวิตประจำวันและไปพบแพทย์อย่างทันท่วงทีเพื่อการป้องกัน การตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น และการรักษาที่เหมาะสม
สัญญาณมะเร็งที่มักถูกมองข้าม
ในชีวิตประจำวัน เราควรใส่ใจต่อความรู้สึกไม่สบายและการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณแรกของมะเร็งหรือภาวะก่อนมะเร็ง สำหรับหลาย ๆ คน สัญญาณมะเร็งที่พบบ่อย มีดังนี้
1. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุและอ่อนเพลีย หากน้ำหนักของคุณลดลงมากกว่า 5% ภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี โดยไม่ใช่การอดอาหารหรือการลดน้ำหนักที่ตั้งใจ หรือมีโรคที่ไม่ร้ายแรง เช่น โรคเบาหวานผิดปกติ โรคไทรอยด์ผิดปกติ หรือท้องเสียเรื้อรัง และยังมีอาการเช่น เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ควรไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบสาเหตุโดยเร็ว
2. ก้อนเนื้อหรือตุ่มที่ไม่สามารถอธิบายได้ เมื่อมีการปรากฏของก้อนหรือตุ่มที่ไม่สามารถอธิบายได้ เช่น ก้อนที่เต้านมหรือต่อมลูกหมาก, ตุ่มใต้ผิวหนัง, หรือการบวมที่ต่อมน้ำเหลืองที่คอ รักแร้ หรือขา ให้ระวังเป็นพิเศษ หากมีอาการแดง เจ็บ หรือมีการเปลี่ยนแปลงสีและขนาดที่รวดเร็ว ควรไปพบแพทย์ทันที
3. ปวดเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการปวดอาจเกิดจากโรคเรื้อรังหรือการบาดเจ็บ แต่หากปวดนานและไม่ทราบสาเหตุ ควรหาสาเหตุเพื่อป้องกันการเกิดก้อนเนื้อ
4. ไอเรื้อรัง ผู้ป่วยมะเร็งปอดบางคนมักมีอาการไอเรื้อรังเมื่อตรวจพบโรค มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งไต และมะเร็งต่อมลูกหมากอาจแพร่กระจายไปยังปอดและทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง ควรไปตรวจสุขภาพโดยเร็ว
5. หายใจลำบาก เมื่อมะเร็งปอดพัฒนาถึงระดับหนึ่ง คุณอาจรู้สึกหายใจลำบาก หากมีอาการหายใจลำบากเรื้อรังหรือเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ควรไปโรงพยาบาลเพื่อค้นหาสาเหตุและการรักษาที่เหมาะสม
6. เลือดออกผิดปกติไม่ทราบสาเหตุ หากพบเลือดออกผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรหาสาเหตุที่แท้จริงของการเลือดออก
7. การเปลี่ยนแปลงของอุจจาระ อาการท้องผูก ท้องเสียเรื้อรัง หรือการปรากฏตัวของทั้งสองอย่างสลับกันอาจเตือนถึงการมีอยู่ของก้อนในระบบทางเดินอาหาร มะเร็งที่ต่อมตับและตับอ่อนอาจส่งผลกระทบต่อการดูดซึมสารอาหารในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องเสียและอุจจาระมัน หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นเวลานาน ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว
8. โรคทางเดินอาหารเรื้อรัง หากคุณมีอาการแน่นท้องเรื้อรัง เบื่ออาหาร อาการกรดไหลย้อน ปวดท้องส่วนบน และรู้สึกไม่สบาย อย่ามองข้ามว่าเป็นแค่ “โรคกระเพาะ” เพราะอาจเกี่ยวข้องกับมะเร็งกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหาร