โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต๊กตึ๊งกรุงเทพมหานครมารับศพเพื่อไปชันสูตรที่มูลนิธิแผนกวิทยานิติยุติธรรมปทุทธานี เพื่อเป็นผลรับรองการเสียชีวิต
น.ส.สุกัญญารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 19.00 น. นายฉัตรมงคล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี สามี กลับมาจากทำงาน ได้อุ้มลูกสาววัย 4 เดือนซึ่งนอนอยู่ในมุ้งออกไปพร้อมถือขวดนมออกไปด้วย
น.ส.สุกัญญารัตน์ กล่าวต่อว่า ตนเห็นหายไปนาน จึงออกตามหาพร้อมโทรหาพ่อคือ นายสุริยา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี เพื่อช่วยกันตามหา กระทั่งมีคนบอกว่าเห็นนายฉัตรมงคลอุ้มลูกอยู่ที่เถียงนา ซึ่งอยู่จากที่พักประมาณ 500 เมตร จึงได้ตามไปเอาลูกกลับมา
น.ส.สุกัญญารัตน์ กล่าวอีกว่า และสังเกตอาการลูกหายใจผิดปกติ จึงได้ถามว่า เอายาพิษให้ลูกกินหรือ สามีบอกว่าไม่ได้ให้ลูกกิน แต่ตัวเองตั้งใจว่าจะกินเอง แต่มือไปโดนขวดนมป้อนลูก ลูกเลยติดยาพิษไปด้วย
น.ส.สุกัญญารัตน์ กล่าวด้วยว่า จากนั้นตนก็พาลูกไปโรงพยาบาลลำสนธิ แล้วต่อมาโรงพยาบาลได้ส่งเด็กไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจ.ลพบุรี และได้เสียชีวิตในวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา
ด้าน นายสุริยา พ่อของน.ส.สุกัญญารัตน์ กล่าวว่า หลังพบลูกเขยจึงพาไปส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำสนธิ พร้อมกระป๋องซึ่งบรรจุยาพิษ พบในที่เกิดเหตุ เถียงนา ที่พบนายฉัตรมงคลอยู่กับหลานสาววัย 4 เดือน
สำหรับนายฉัตรมงคลได้ให้การกับเจ้านายตำรวจว่า ตนไม่ได้ตั้งใจจะวางยาลูกสาว ตนตั้งใจจะกินยาพิษเอง แต่มืออาจจะติดยาไปโดนขวดนมแล้วป้อนนมให้ลูกกิน ไปด้วย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายฉัตรมงคลไปทำแผนให้การรับสารภาพยังที่เกิดเหตุที่ไปพบอยู่กับลูกวัย 4 เดือน
นายสุริยา เปิดเผยว่า ลูกเขยคนนี้ คาดว่าจะมีอาการติดยา และเคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับลูกสาวตนบ่อยครั้ง จากผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำปัสสาวะไปตรวจเมื่อคืนวันที่ก่อเหตุพบยาเสพติด ปัสสาวะเป็นสีม่วง
นายสุริยา กล่าวต่อว่า เคยทะเลาะกับตนถึงขั้นจะใช้อาวุธมีดไล่แทงตนด้วย เคยบอกลูกสาวแล้วด้วยว่าระวัง ลูกเขยคนนี้จะทำร้ายร่างกาย ลูกสาวแต่ก็มาก่อเหตุทำร้ายหลานสาววัย 4 เดือนจนได้