เปิดภาพเส้นทางฝนตกหนัก เตือน 4 จังหวัดเตรียมรับมือ พบสัญญาณเปลี่ยนฤดู

วันที่ 2 พ.ย. 67 กรมอุตุนิยมวิทยา อัพเดทผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุกๆ 24 ชม. (นับตั้งแต่ 07.00น. ถึง 07.00น.วันรุ่งขึ้น) และลมที่ระดับ 925hPa (750 ม.)10 วันล่วงหน้า ระหว่าง 2 -11 พ.ย.67 จากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป (ECMWF) (วิเคราะห์ตามผลจากแบบจำลองฯ) เฉดสีแดงหมายถึงฝนหนัก สีเขียวหมายถึงฝนเล็กน้อย : ยังเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายฤดู (ปลายฝนต้นหนาว) ต้องระวังรักษาสุขภาพ ช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง

ช่วงวันที่ 2 – 11 พ.ย.67 สัญญาณฤดูหนาวจะเริ่มชัดเจนขึ้น คาดว่าจะมีมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ต่อเนื่อง ทำให้ลมหนาว (ลมตะวันออกเฉียงเหนือ) พัดแรงขึ้น ส่วนลมในระดับกลาง ยังมีลมตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้ (ลมค้า (trade wind)

จากปรากฎการณ์ลานีญา)พัดเข้ามาแทรก การเข้าสู่ฤดูหนาวปีนี้ อาจจะมีฝนปะปนอยู่บ้าง มีลมแรงและมีฝน/ฝนฟ้าคะนองในระยะแรกๆ ในวันนี้ (2 พ.ย.67) ทางภาคกลางด้านตะวันตก กทม. ปริมณฑล และภาคตะวันออก พี่น้องเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันผลผลิตทางเกษตรที่อาจจะเกิดขึ้นจากฝนที่ตกในระยะแรกนี้

หลังจากนั้นอากาศจะเริ่มเย็นลงโดยเริ่มทางภาคอีสานก่อน อุณหภูมิจะเริ่ม 2-4 ซ. ในเช้าวันนี้ (2 พ.ย.67) ส่วนภาคเหนือ ลดลง 2-4 ซ. ภาคกลาง อากาศจะเย็นลง 1-3 ซ. สำหรับ กทม. และปริมณฑลจะเย็นลง 1-2 ซ. ยอดดอย ยอดภู จะมีอากาศหนาวจัด ความหนาวเย็นจะแผ่ปกคลุมอยู่ถึงวันที่ 11 พ.ย.67

แต่ช่วง วันที่ 6-7 พ.ย.67 ภาคเหนือ ตอนบน (จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน) อาจจะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น (อากาศเย็นปนฝน) เนื่องจากมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกพัดปกคลุมต้องเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง สำหรับอากาศเย็นถึงหนาวจะได้สัมผัสกันยาวๆ บางวันอาจจะมีฝนปนหนาวบ้าง เตรียมตัววางแผนไปสัมผัสอากาศเย็นถึงหนาวได้และติดตามประกาศเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการจากกรมอุตุนิยมวิทยาอีกครั้ง ระวังรักษาสุขภาพช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง

สำหรับภาคใต้ เมื่อลมหนาวมาเยือน (ลมเปลี่ยนทิศทาง) ตั้งแต่วันที่ 3-6 พ.ย.67 ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ตั้งแต่ประจวบ ชุมพร ลงไป) ต้องเตรียมรับมือฝนตกหนัก ฝนตกสะสม คลื่นลมแรงขึ้น อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ต้องติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

(ข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตามข้อมูลนำเข้าและประมวลผลใหม่ ใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจและติดตามสภาพอากาศ การวิเคราะห์ข้อมูลควรใช้ข้อมูลผลการตรวจวัดจริงมาวิเคราะห์ร่วมด้วย ไม่ควรวิเคราะห์เฉพาะจากแบบจำลองฯ)