“ไข่ต้ม” ดีหรือร้ายต่อตับ? กินทุกวันแต่ยังสับสน หมอย้ำเตือน 4 ข้อ ที่ทุกคนควรรู้!

กินไข่ต้มทุกวัน ส่งผลดีหรือร้ายต่อตับ? หมอแนะนำ 4 ข้อควรรู้

ช่วงนี้มีการถกเถียงกันว่า การกินไข่ต้มเป็นประจำทุกวันจะดีต่อสุขภาพหรือไม่ โดยเฉพาะกับ ตับ บางคนบอกว่าไข่ต้มอุดมด้วยสารอาหาร เหมาะสำหรับมื้อเช้า ขณะที่บางคนกังวลว่ากินมากเกินไปอาจเป็นภาระตับได้

แล้วไข่ต้มคือ “เพื่อน” หรือ “ศัตรู” ของตับกันแน่? แพทย์หลายท่านบอกว่า คำตอบไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด การกินไข่มีประโยชน์แต่ต้องรู้จักใช้ให้ถูกวิธี ด้านล่างนี้คือ 4 ข้อควรจำสำคัญ ที่ทุกคนควรรู้ก่อนกินไข่

1. หลีกเลี่ยงการปรุงด้วยน้ำมันเยอะ

ไข่เป็นแหล่งของ โปรตีนคุณภาพสูง วิตามิน แร่ธาตุ และกรดไขมันจำเป็น โดยเฉพาะ เลซิติน ที่ช่วยฟื้นฟูและสร้างเซลล์ตับใหม่

แต่ถ้าเอาไปทอดหรือนำไปปรุงด้วยน้ำมันมาก จะเพิ่มไขมันไม่ดี ทำให้น้ำหนักขึ้น ไขมันในเลือดสูง และเกิดโรคตับไขมันสะสมได้ จนอาจทำให้ตับทำงานหนักขึ้น ดังนั้นไข่ต้มจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสุด เพราะรักษาคุณค่าทางโภชนาการและไม่เพิ่มภาระตับ

2. กินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรเกิน

ไข่ขนาดกลางหนึ่งฟองมีคอเลสเตอรอลประมาณ 200 มิลลิกรัม สำหรับคนทั่วไป กิน 1-2 ฟองต่อวันถือว่าปลอดภัย

แต่ถ้ากินมากเกินไป โดยเฉพาะคนที่มีไขมันในเลือดสูง หรือมีโรคเกี่ยวกับตับและหัวใจ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำงานผิดปกติของตับและระบบเผาผลาญได้ ควรปรับปริมาณตามสุขภาพและคำแนะนำของแพทย์

3. เก็บรักษาไข่ให้ถูกวิธี

ไข่ที่เก็บไว้นานหรือเก็บไม่ดี อาจเสียและมีเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ท้องเสียและส่งผลเสียต่อตับ ควรเก็บในที่แห้งและเย็น หรือแช่ในตู้เย็น แยกจากอาหารสดอื่น ๆ

ก่อนซื้อควรเลือกไข่สด และทดสอบโดยการแช่ในน้ำ หากไข่ลอยแปลว่ามีโอกาสเสีย ไม่ควรกิน

4. อย่าทิ้งไข่แดง

หลายคนกลัวคอเลสเตอรอลจึงกินแค่ไข่ขาวและทิ้งไข่แดงไป ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด ไข่แดงมีสารอาหารสำคัญเช่น เลซิติน วิตามิน A, D, E ที่จำเป็นต่อสุขภาพตับ

ไข่ต้มเป็นอาหารที่ดีและมีประโยชน์กับตับ หากกินอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงของทอดน้ำมันเยอะ กินในปริมาณพอเหมาะ เก็บรักษาให้ถูกวิธี และไม่ทิ้งไข่แดง 4 ข้อนี้คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณได้รับสารอาหารจากไข่โดยไม่ทำร้ายสุขภาพ