“ทายาทรุ่นสุดท้าย” ชาวสุขะถูกต้อนเป็นเชลยไปพม่า กลับแผ่นดินกรุงศรีฯ ในรอบ 260 ปี

คุณยายวัย 83 ปี “ทายาทรุ่นสุดท้าย” ของชาวสุขะที่ถูกกวาดต้อนไปพม่า ได้กลับแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาในรอบ 260 ปี

ปลื้มปริ่มน้ำตาไหล เมื่อ “ทายาทรุ่นสุดท้าย” ของชาวอยุธยาที่ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยไปพม่าเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินบรรพบุรุษอีกครั้งในรอบกว่า 260 ปี สร้างความซาบซึ้งใจแก่ผู้ร่วมงานอย่างล้นหลาม

ชาวสุขะเชื้อสายอยุธยา กลับบ้านหลังจากพลัดพราก 260 ปี

นายปัณณพัทธิ์ คำนึง นักวิชาการอิสระผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ พร้อมคณะ ได้จัดกิจกรรม “พาชาวบ้านสุขะ” ซึ่งเป็นชุมชนเชื้อสายอโยธยาที่ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยไปยังพม่าเมื่อปี พ.ศ. 2310 หรือเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเสียกรุงครั้งที่ 2 โดยถือเป็นการกลับเยือนแผ่นดินบรรพบุรุษครั้งแรกในรอบ 260 ปี

คณะผู้เดินทางประกอบด้วย นายมาไจนา เจ้าอาวาสวัดในหมู่บ้านสุขะ, นายซอวิน ผู้ใหญ่บ้าน, คุณยายดอตินทวย (TIN HTWE) อายุ 83 ปี, และนางดอตินย๊วด (TIN NYUNT) ทั้งหมดเป็นทายาทรุ่นที่ 7 ของชาวอยุธยาในพม่า เดินทางจากเมืองมัณฑะเลย์ถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ก่อนมุ่งหน้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

น้ำตาแห่งความปลื้มปิติ เมื่อได้เหยียบแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา

สถานที่แรกที่คณะได้เยือนคือศาลหลักเมืองพระนครศรีอยุธยา เมื่อรถจอดและทุกคนก้าวเท้าลงจากรถสัมผัสแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา เสียงสะอื้นแห่งความดีใจดังขึ้นไม่ขาดสาย ทุกคนต่างก้มกราบและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์พร้อมผูกผ้าที่เสาศาลหลักเมือง คุณยายดอตินทวยกล่าวทั้งน้ำตาว่า “ดีใจมาก ปลื้มใจที่ได้มาวันนี้”

จากนั้นคณะได้เดินทางต่อไปยังวัดพระราม โบราณสถานสำคัญในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา เมื่อได้เข้าไปกราบไหว้ถึงกับหลั่งน้ำตาอีกครั้ง พร้อมถอดรองเท้าเดินบนพื้นอิฐเก่าแก่เพื่อสัมผัสแผ่นดินที่บรรพบุรุษเคยอาศัยอยู่ตามคำบอกเล่าที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน

ชาวสุขะ — สายเลือดอยุธยาที่ยังคงไม่ลืมรากเหง้า

นายปัณณพัทธิ์ คำนึง เผยว่า ชาวสุขะที่มาครั้งนี้คือรุ่นที่ 7 ของผู้ถูกกวาดต้อนไปพม่า ซึ่งยังได้รับการบอกเล่าจากรุ่นพ่อแม่เกี่ยวกับต้นกำเนิดจากกรุงศรีอยุธยา ถือเป็น “รุ่นสุดท้าย” ที่ยังได้ยินเรื่องราวจากปากบรรพบุรุษโดยตรง

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “ชาวบ้านกลุ่มนี้แทบไม่เคยออกนอกหมู่บ้าน บางคนไม่เคยแม้แต่เดินทางเข้าเมืองที่ห่างออกไปไม่ถึง 10 กิโลเมตร การได้มาเหยียบแผ่นดินอยุธยาครั้งนี้จึงยิ่งกว่าความฝันของพวกเขา”

คุณยายดอตินทวยเล่าว่า สมัยก่อนบรรพบุรุษมักบอกลูกหลานว่า “เรามีเชื้อสายอยุธยา” และยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น ต้องก่อกองทราย 1 ปี 1 ครั้ง ระหว่างที่มีเทศกาลสงกรานต์ ก่อพระเจดีย์ทราย เพราะที่พม่าไม่มี

เธอกล่าวทั้งน้ำตาว่า “พูดอะไรไม่ออกเลย ดีใจมาก ๆ เหมือนได้กลับมาเจอญาติอีกครั้ง” ก่อนพูดคำไทยที่ยังจำได้ เช่น “ขนม กล้วย น้ำอ้อย” ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ร่วมงาน

เสียงจากผู้ร่วมต้อนรับ และความภาคภูมิใจของคนไทย

นายโชควิวรรธน์ คุณะวันทนิต อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา เดินทางมาจากโคราช เล่าว่า พอตนเองทราบว่า คุณยายดอตินทวย ที่มาจากเมืองมัณฑะเลย์ หรือหมู่บ้านสุขะ จะมาก็อยากจะมาต้อนรับด้วยตนเอง ตามรอยของสารคดีโยเดียที่คิดไม่ถึง ที่ตามรอยกรุงศรีอยุธยา ถูกกวาดต้อนไปเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อปี 2310

คุณยายซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายอยุธยาแท้ ๆ รุ่นที่ 7 อาจจะมีการผสมแต่งงานข้ามไปบ้างบางรุ่น แต่ตามกฎของหมู่บ้านเขาก็จะยังคงรักษาอยุธยาไว้ บอกลูกบอกหลานไม่ให้แต่งงานกับคนนอกหมู่บ้านนะ คุณยายซึ่งก็ยังครองโสด วันนี้โอกาสดีที่ทาง คุณปัณณพัทธิ์ คำนึง ได้คิดกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อหวนรำลึกถึง อยากให้ชาวอยุธยาได้กลับบ้าน ก็เลยเกิดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้

บทสรุปแห่งความผูกพัน

การกลับมาของ “ทายาทรุ่นสุดท้ายของชาวสุขะ” ไม่เพียงเป็นการเชื่อมโยงประวัติศาสตร์สองแผ่นดิน แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของคนไทยที่แม้ผ่านไปกว่า 260 ปี ก็ยังไม่ลืมรากเหง้าแห่งกรุงศรีอยุธยา