ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา
สำหรับจุดเริ่มต้นของเรื่องที่เกิดขึ้นคงต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่ หลิวไห่ปิน ชายจากมณฑลเจียงซู ได้รับมรดกจากแม่ เป็นสมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารแห่งหนึ่ง โดย หวงเสี่ยวเหม่ย แม่ของเขา ตั้งใจที่จะทิ้งเงินก้อนนี้ไว้ให้ลูกชายเมื่อเธอจากโลกนี้ไป เธอนำสมุดบัญชีเก็บใส่กล่องเหล็กไว้ และบอกลูกชายให้ไปตามหาสมุดบัญชีเล่มนี้ หลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว
ต่อมา เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากลากันจริง ๆ ลูกชายก็รู้สึกเศร้าเสียใจอย่างมากกับความสูญเสียในครั้งนี้ จนเขาลืมเรื่องสมุดบัญชีเล่มนี้ไปอย่างสิ้นเชิง กระทั่งเวลาผ่านไป 1 ปี ในวันครบรอบการจากไปของผู้เป็นแม่ หลิวไห่ปิน จึงนึกเรื่องคำสั่งเสียของแม่ได้ เขาจึงไปตามหาสมุดบัญชีดังกล่าวจนพบ และภายในนั้น ก็มีเงินฝากของแม่จำนวนทั้งสิ้น 6 ล้านหยวนเลยทีเดียว
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา
จากนั้น หลิวไห่ปิน จึงดำเนินการถอนเงินที่ธนาคาร แต่กลับต้องตกใจหนักมาก เมื่อทางธนาคารแจ้งว่า สมุดบัญชีเล่มนี้เป็นของปลอม ซึ่งตามกฎของธนาคารจะต้องมีการยึดสมุดบัญชีเล่มนี้ไว้และทำลายทิ้ง ทว่าทาง หลิวไห่ปิน ไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น และตัดสินใจเรียกตำรวจมาทันทีเพื่อให้ทำการสอบสวน ทางตำรวจ ร้องขอ ให้ทางธนาคารตรวจสอบข้อมูลของหวงเสี่ยวเหม่ยทั้งหมด
ตอนนั้นเองจึงปรากฏข้อมูลว่า หวงเสี่ยวเหม่ย เคยนำเงินมาฝากไว้ที่ธนาคารจริง ๆ แต่กลับมีการถอนเงินทั้งหมดออกไปในเวลาไม่กี่วันต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสอบสวน ติดตามตัวพนักงานธนาคารที่ทำธุรกรรมในครั้งนั้นได้ หลังจากลาออกไปนานหลายปีแล้ว แต่เมื่อทางตำรวจควบคุมตัวมาสอบสวน อดีตพนักงานรายนี้ยังปากแข็ง ยืนกรานไม่เคยทำธุรกรรมใด ๆ กับเงินของหวงเสี่ยวเหม่ย
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ภายใต้การกดดันจากจนท. อดีตพนักงานรายนี้จึงยอมให้การรับสารภาพว่า ได้ฉกฉวยประโยชน์จากความไว้ใจของหวงเสี่ยวเหม่ย ทำสมุดบัญชีปลอมให้แก่อีกฝ่าย ขณะที่ตัวเองได้แอบโอนเงินทั้งหมดมาเข้าบัญชีของตัวเองเพื่อนำไปใช้ส่วนตัว พร้อมกับบอกว่า ตอนนั้นตั้งใจไว้ว่าจะแค่ ขอยืมเงินชั่วคราว เพื่อนำเงินไปลงทุน แต่การลงทุนนั้นล้มเหลว จึงไม่มีเงินมาจ่ายคืนหวงเสี่ยวเหม่ย
อย่างไรก็ตาม เมื่อความจริงปรากฏ ทางธนาคารก็จำต้องยอมรับผิดชอบ และคืนเงินจำนวน 6 ล้านหยวน หรือประมาณ 28 ล้านบาท ให้แก่ลูกชายของหวงเสี่ยวเหม่ย ส่วนอดีตพนักงานธนาคารที่ก่อเหตุ ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไปตามระเบียบ